HARRY POTTER : The Real Death of Lord Voldemort - HARRY POTTER : The Real Death of Lord Voldemort นิยาย HARRY POTTER : The Real Death of Lord Voldemort : Dek-D.com - Writer

    HARRY POTTER : The Real Death of Lord Voldemort

    ลอร์ดโวลเดอมอร์คืนสู่สภาพสมบูรณ์เต็มร้อยและกำลังมุ่งหน้าสู่ฮอกวอตส์เพื่อล้างแค้น! แฮร์รี่ พอตเตอร์ กำลังจะพบกับศึกหนักที่สุดในชีวิตเมื่อต้องพบกับศัตรูตลอดชีวิต

    ผู้เข้าชมรวม

    3,758

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    3.75K

    ความคิดเห็น


    17

    คนติดตาม


    12
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ธ.ค. 46 / 22:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      .     เงาร่างดำทะมึนเคลื่อนตัวจากมุมที่มืดมิดในป่าลึกเขตร้อนตรงมายังโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์…

            “ลอร์ดโวลเดอมอร์ผู้มีพลังกล้าแข็งเต็มเปี่ยมและไร้ผู้ต่อต้านกำลังมาแล้ว จงระวังไว้ให้ดี” เงาร่างนั้นพูดในขณะที่มันยิ้มแสยะอย่างน่ากลัว

            สายฟ้าฟาดลงมาในทุกหย่อมหญ้าที่เขาเคลื่อนไปราวกับจะเป็นการเตือนผู้คนที่หวาดผวาให้เตรียมตัวรับมือให้ดี ว่าจอมราชาผู้ชั่วร้ายกำลังมาแล้ว

      Based on Novel by J.K. Rowling
      Harry Potter
      The Real Death of Lord Voldemort


            ที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ สามปีนับจากการฟื้นคืนชีพของลอร์ดโวลเดอมอร์ ถึงแม้ผู้คนจะอกสั่นขวัญแขวนกับการคืนชีพของเขา แต่ด้วยความมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตราบที่ดัมเบิลดอร์ยังอยู่ที่ฮอกวอตส์ ก็ทำให้พวกเขาสบายใจ

            “เป็นไงล่ะ แฮร์รี่” รอน ซึ่งขณะนี้เขาเรียนอยู่ปีเจ็ด เป็นพี่ใหญ่ที่ฮอกวอตส์ เป็นพรีเฟ็คกริฟฟินดอร์ และเป็นบีตเตอร์คนหนึ่งของทีมควิดดิชด้วย เอ่ยปากถามแฮร์รี่ “เดทกับเฮอร์ไมโอนี่ไง”

            “อ๋อ…ก็” แฮร์รี่พูดตะกุกตะกัก เขาหน้าแดง “ดีนะ…เธอบอกว่าเธอชอบฉันมากเลยด้วย”

            “โว้วโว้วโว้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังแฮร์รี่ ไม่ใช่ใครอื่น เดรโก มัลฟอย “พอตเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่ช่างมีเสน่ห์เสียจริงเชียวนะนี่นะ ล่อยายเลือดสีโคลนนั่นซะอยู่หมัด นายจะทำอะไรกับเธอล่ะพอตเตอร์ หืม จะทำให้เธอต้องตายอีกหรือเปล่า แบบคอลินน่ะ”

            แฮร์รี่ฉุนมาก คอลินเพิ่งตายเมื่อปีที่แล้ว ในตอนที่พวกเขาออกไปต่อสู้กับโวลเดอมอร์ แล้วคอลินก็ตามไปด้วย ถึงพวกเขาจะรอดมาได้ แต่คอลินก็ต้องยอมตายแลกกับการที่ทำให้เขากับเฮอร์ไมโอนี่รอดกลับมา

            “มัลฟอย นายไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงซะบ้างเลยเหรอ” เนวิลล์ตอบฉุน ๆ

            “โอ๊ะโอ๊ะโอ๋” เดรโกพูดน่าเกลียดอีกครั้ง “เจ้าหนูลองบัตท่อมผู้ได้คะแนนดีวันดีคืนมากล่าวคำด่าทอให้กันอย่างนี้ ช่างน่ายินดีเสียนี่กระไร ฮะฮะฮ่า” แล้วเขาก็เดินจากไป พลางชูแก้วไวน์ในมืออย่างเยาะเย้ย

            ใช่ วันนี้เป็นวันเทศกาลคริสต์มาสอีกครั้งหนึ่งของแฮร์รี่ และมันจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาที่ฮอกวอตส์ ถึงแม้ครอบครัวเดอร์สลีย์จะทำตัวดีขึ้นมากมายหลังจากพวกแฮร์รี่ช่วยเขาไว้จากการรุกรานของโวลเดอมอร์เมื่อปีที่แล้วที่บุกไปถึงบ้านเดอร์สลีย์เพื่อกำจัดตัวแฮร์รี่ตั้งแต่ต้นปีการศึกษาที่หก ยังดีที่กองกำลังรักษาความลับของกระทรวงเวทมนตร์ได้ปกปิดข่าวนี้ไว้และบอกกับพวกมักเกิ้ลคนอื่น ๆ ว่าเป็นแค่ท่อแก๊สระเบิด

            แต่นี่ก็จะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้มีงานคริสต์มาสแสนวิเศษเช่นนี้ที่ฮอกวอตส์

            “ว…หวัดดี…แฮร์รี่…” อีกแล้ว มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังแฮร์รี่ ซึ่งเสียงนี้ทำให้แฮร์รี่ต้องหันหลับไปมองทันที และแล้วเขาก็อ้าปากค้าง กึ่ง ๆ ยิ้ม

            “เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่ร้อง

            ถูกแล้ว นั่นคือเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งตอนนี้เธออายุ 17 แล้ว งานวันเกิดของเธอเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมานั้นแฮร์รี่มอบมอบหมวกที่เย็บเองกับมือให้เธอ เป็นการตอบแทนเสื้อผ้าเย็บเองทั้งชุดที่เธอฝากเเกรนตี้ (นกฮูกของเธอ ของขวัญจากรอน) มาส่งให้เขา และตอนนี้เธอกำลังสวมหมวกใบนั้นอยู่ มันรับกับใบหน้าเธออย่างดี และทำให้เธอดูน่ารักอย่างประหลาด

            “เธอใส่หมวกด้วยนี่” แฮร์รี่พูด

            “ช่าย” เธอตอบยิ้ม ๆ “มันน่ารักจะตายไปนี่นา…เนอะ…แล้ว…เธอก็ใส่เสื้อของฉันด้วยไม่ใช่เหรอ” แล้วเธอก็หน้าแดง

            ก็ใช่ของเธอ แฮร์รี่ชอบเสื้อที่เฮอร์ไมโอนี่เย็บให้มาก ก็มันมีชื่อเต็ม ๆ ของเขาซึ่งจะกระโดดไปมาตลอดเวลาเขียนอยู่นี่นา ว่า Harry J. Potter*

            แฮร์รี่ที่ตอนนี้ก็หน้าแดงไปด้วยพูดขึ้นว่า “ก็มันสวยออก นี่แน่ะ ทางโน้นมีสลัดบาร์ ของชอบของเธอไม่ใช่เหรอ ไปดูกันหน่อยเถอะ”

            รอนมองทั้งสองคนที่เดินไปด้วยกันอย่างกระหนุงกระหนิงด้วยรอยยิ้ม ‘ก็เขาเป็นแฟนกันแล้วนี่เนอะ น่ายินดีจะตายไป’ แล้วเขาก็เดินยิ้มส่ายหน้าไปหาอะไรกินอีกทางหนึ่ง ในใจของเขาคิดอะไรอยู่นั้นไม่มีใครรู้ได้

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =  
            “อะไรนะครับ” ศจ.แคมพ์เบลล์ (อาจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนล่าสุด หลังจากศจ.ฮอลเลอร์ลาออกไปเมื่อปีก่อนเพราะทนพิษน้ำยาคอกระเพื่อมที่เขาทำเองใช้เองไม่ได้ แคมพ์เบลล์ มอรอสกี้ เป็นคนที่ดูธรรมดาที่สุดในบรรดาอาจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดที่เคยมีมา ด้วยความหนุ่มแน่นและหน้าตาที่หล่อเหลาทำให้เขาเป็นขวัญใจนักเรียนสาวหลายต่อหลายคน วิชาที่เขาสอนก็สนุกสนานเหมือนชั้นเรียนของลูปิน ตื่นเต้นเหมือนมู้ดดี้(ตัวปลอม) ทำให้วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเป็นวิชาสุดฮิตติดอันดับฮอกวอตส์โพลปีนี้) ร้องเสียงหลง

            “ใช่” ดัมเบิลดอร์ตอบ “โวลเดอมอร์กำลังมาที่นี่แล้ว ฉันรู้ดี”

            “ทำไมท่านถึงรู้” แคมพ์เบลล์ถามตัวสั่น “แล้วท่านพูดชื่อ…”

            “เพราะท่านเคยเป็นผู้เสพความตายมาก่อน” สเนปตอบ “ถึงจะเป็นช่วงสั้น ๆ และไม่เคยทำอะไรเลยก็เถอะ ท่านทำไปเพื่อต้องการสืบความลับจากโวลเดอมอร์…”

            “พอแล้ว เซเวอร์รัส” ดัมเบิลดอร์พูด “จะอย่างไรก็แล้วแต่ โวลเดอมอร์กำลังพุ่งตรงมาที่นี่แล้ว ฉันที่ป่วยอยู่อย่างนี้ย่อมอ่อนแอเกินไป” เขาชี้ไปที่ร่างกายที่ตกเหลืองของเขา “ถึงแม้เหล่าผู้เสพความตายจะเป็นอิสระแล้วทั้งหมด ต้องขอบคุณคบเพลิงสีเขียว แต่โวลเดอมอร์อาจมีอาวุธลับซ่อนอยู่อีกเท่าไรเราไม่สามารถทราบได้ หนำซ้ำตอนนี้เขายังมีอำนาจสูงสุด ฉันในตอนนี้ไม่อาจปกป้องฮอกวอตส์ได้ โวลเดอมอร์รู้ดี แคมพ์เบลล์ ฉันต้องการให้เธอปกป้องแฮร์รี่ให้ดี เข้าใจไหม”

            “ครับ” แคมพ์เบลล์ตอบ “คุณเซเวอร์รัส มากับผมหน่อย”

            “ได้อยู่แล้ว” สเนปตอบแล้วออกวิ่งตามแคมพ์เบลล์ไป ในขณะที่ดัมเบิลดอร์ทิ้งตัวลงนอนท่ามกลางเหงื่อชุ่มตัว

            “อีกไม่นาน” เขาพูดเสียงแหบ “อีกไม่นานแล้ว”

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =  
            โวลเดอมอร์หยุดยืนริมทะเลสาบฮอกวอตส์ ชุดคลุมหน้าของเขาสั่นระริกตามแรงลม

            “ถึงเวลาแล้ว” เขาพูด “เวลาที่เรื่องทั้งหมดจะจบสิ้น”

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
            “นักเรียนทุกคนกลับเข้าหอนอนเดี๋ยวนี้! เหตุการณ์ฉุกเฉินระดับเอ! ขอย้ำ นักเรียนทุกคนกลับเข้าหอนอนเดี๋ยวนี้! เหตุการณ์ฉุกเฉินระดับเอ!” แคมพ์เบลล์ตะโกนในขณะที่วิ่งไปตามระเบียง ในขณะที่สเนปหยิบ ‘น้ำยาส่งสาร’ นับพัน ๆ ขวดจากกระเป๋าแล้วขว้างออกไป น้ำยานี้จะกลายเป็นข้อความขนาดใหญ่เขียนว่า ‘นักเรียนทุกคนกลับเข้าหอนอนทันที ไม่มีคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นคะแนนบ้านของเธอจะลดฮวบเป็นประวัติการณ์’

            ระหว่างที่แคมพ์เบลล์กับสเนปออกประกาศสารอยู่นั้นก็พอดีที่ศจ.มักกอนนากัลเดินมา

            “เกิดอะไรขึ้นคะ?”

            “พอดีเลยมิเนอร์วา” สเนปพูด แล้วโยนน้ำยาส่งสารไปโดยไม่มีเวลาหยุดอธิบายใด ๆ “ประกาศข้อความนี้ที ด่วนที่สุดเลย”

            มักกอนนากัลนั้นเมื่อทราบข้อความในน้ำยาแล้วก็เริ่มใช้คาถากระจายเสียงที่มีเธอใช้ได้เพียงคนเดียวเพื่อกระจายเสียงไปทั่วฮอกวอตส์

            “นักเรียนทุกคน งานเลี้ยงต้องยุติเพียงเท่านี้ พวกเธอกลับเข้าหอนอนบ้านตัวเองทันที ด่วนที่สุด ฉันไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก ย้ำ นักเรียนทุกคน…”

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
            ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของฮอกวอตส์ ที่งานเลี้ยงยังไม่รู้อะไรมากมายเลยจนกระทั่งมักกอนนากัลประกาศเสียงตามสายมา

            “อะไรน่ะ” แฮร์รี่ร้องขึ้นในขณะที่เขากำลังตักสลัดให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่

            “ไม่รู้สิ แต่…” เฮอร์ไมโอนี่ใจคอไม่ดี “ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ”

            “พวกนายรีบไปเร็วเข้า” รอนวิ่งกระหืดกระหอบมายังทั้งสองคน “หยุดจู๋จี๋กันก่อน ขึ้นหอนอนเลย เขามาแล้ว”

            “เขา?” เฮอร์ไมโอนี่สงสัย “เขาไหน”

            “เขานั่นไง” รอนบอก

            “เขามาแล้วเหรอ!” แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ร้องพร้อมกัน

            “ใช่ พวกนายรีบไปเร็วเข้า เดี๋ยวฉันก็ต้องไปเหมือนกัน”

            “ไม่” แฮร์รี่ตอบ “ฉันจะหนีอีกไม่ได้ เขาทำอะไรมามากเกินไปแล้ว”

            “ไม่นะแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “เธอจะทำอะไรกับเขา เธอทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เขามีอำนาจสูงสุดแล้วนะแฮร์รี่ตามที่ฉันคิด เขาถึงกล้าบุกมาถึงที่นี่”

            “เขามาเพื่อฆ่าฉัน ฉันรู้ และฉันจะไม่ยอมให้ใครตายอีกเป็นอันขาด มีคนตายเพราะฉันมามากเกินไปแล้ว ทั้งพ่อ แม่ เซดริก คอลิน…”

            “เขาน่าจะไปรอฉันที่สนามควิดดิช ที่นั่นกว้างพอ” แฮร์รี่พูดเสร็จก็วิ่งออกไปโดยไม่ให้ใครมาขวางเขาเด็ดขาด ปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่กับรอนต้องอยู่ตรงนั้น พอดีที่สเนปมา

            “พวกเธอทำอะไรกันอยู่ รีบไปหอนอนเร็วเข้า” สเนปตะโกนก้องมาแต่ไกล “เร็วเข้าสิ ไม่งั้นฉันหักคะแนนกริฟฟินดอร์จริง ๆ ด้วย”

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
            โวลเดอมอร์มองไปยังประตูสนามควิดดิช และเขาก็มองเห็นสิ่งที่เขารอคอย

            “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เขาพูดเสียงต่ำ “ในที่สุดเธอก็มาจนได้”

            “ใช่ ฉันมาแล้ว นายต้องการฆ่าฉันใช่มั้ย เพราะอะไรกัน” แฮร์รี่ถามคำถาม ซึ่งอาจจะเป็นคำถามสุดท้ายในชีวิตของเขา

            “โอ้” โวลเดอมอร์พูด “ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าสินะ ว่าเจ้ามีพลังแห่งฟินิกซ์อยู่”

            “พลังอะไรนะ” แฮร์รี่ถามอีกครั้ง

            “อืม… ไหน ๆ วันนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายของเจ้าอยู่แล้ว ข้าจะบอกให้

            “พลังแห่งฟินิกซ์คือพลังแห่งการดำรงอยู่ พลังที่ทั้งเจ้าและข้าต่างก็มีกันอยู่ทั้งคู่ หลักฐานก็คือไม้กายสิทธิ์ของเจ้าและข้า เจ้าและข้าล้วนได้รับเลือกจากฟินิกซ์ คำขอแห่งฟินิกซ์ที่เรียกร้องข้ากับเจ้าไปก็ได้ผล พลังแห่งฟินิกซ์จะให้พลังแห่งการดำรงอยู่แก่ผู้ที่มีพลังนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมข้าถึงฆ่าเจ้าไม่ได้เมื่อสิบเจ็ดปีก่อน และทำไมคำสาปที่ย้อนมาในครั้งนั้นถึงไม่ทำให้ข้าสูญสลาย**

            “แต่ข้าไม่ชอบใจ เจ้ามีพลังแห่งฟินิกซ์มากกว่าข้า คำสาปของข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้นอกจากเพียงรอยแผลเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ข้า ข้าที่โดนคำสาปไป ถึงแม้จะไม่ดับสูญ แต่ก็ต้องอยู่อย่างทนทุกข์ทรมานตลอดมา ถ้าไม่มีสลาเตโรกับหางหนอน ข้าก็คงรอดมาไม่ได้”

            สลาเตโร***…ศาสตราจารย์ควีเรลล์สินะ แฮร์รี่คิด

            “ข้าต้องการกำจัดเจ้า ข้าเชื่อว่าทันทีที่ข้าสามารถกำจัดเจ้าได้ พลังแห่งฟินิกซ์ของเจ้าจะกลายมาเป็นของข้า และมันจะทำให้ข้าเป็นอมตะ

            “ตอนนี้ ข้ามีพลังมากพอที่จะกำจัดเจ้าได้ ข้าล้มเหลวมาสิบเจ็ดปีแล้ว และข้าไม่ยอมพลาดโอกาสครั้งนี้ไปเป็นอันขาด”

            ขาดคำ เขาก็ร่ายคำสาปใส่แฮร์รี่

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =  
            “โวลเดอมอร์อยู่ทางนี้แน่ ๆ” สเนปบอกแคมพ์เบลล์

            “ทำไมคุณถึงรู้ได้” แคมพ์เบลล์ถามพลางวิ่งตามสเนปไป

            “ฉันรู้…” สเนปบอก พลางเอามือกุมต้นแขนซ้าย “…ฉันรู้ก็แล้วกัน”

            สเนปผลักบานประตูสนามควิดดิชที่แง้มอยู่นิด ๆ แล้วเพื่อเข้าไปด้านใน

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =  
            “เกรติโอ อะวาดา เคดาฟ-รา”

            ทันทีโวลเดอมอร์ร่ายคำสาปออกไป แฮร์รี่ที่พร้อมแล้วก็เตรียมรับมือด้วยคาถาที่เพิ่งค้นพบใหม่ซึ่งเขาได้เรียนรู้มาจากแคมพ์เบลล์

            “มิเรอริอุส”

            แฮร์รี่สร้างกำแพงป้องกันที่ราวกับกระจกขึ้นมา เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะสะท้อนมันกลับไปยังโวลเดอมอร์ แต่คำสาปของโวลเดอมอร์รุนแรงเกินไป เขาทำได้แค่ทำให้มันกระเด็นออกไปอย่างไร้ทิศทางเท่านั้น ถึงกระนั้นแฮร์รี่ก็ถึงกับเซล้มลง

            ในขณะเดียวกัน พวกแคมพ์เบลล์กับสเนปก็เข้ามาทางประตูพอดี

            “แฮร์รี่” แคมพ์เบลล์ร้อง “เป็นอะไรหรือเปล่า”

            “โอ้…” โวลเดอมอร์พูด “แขกชักจะมากันเยอะแยะแล้ว ข้าว่าเราเริ่มงานฉลองกันดีกว่า”

            โวลเดอมอร์เงื้อมือขึ้นระดับไหล่ มือของเขางองุ้มอย่างน่ากลัว และกล่าวร่ายคำออกมา

            “…หุ่นเชิดของข้า…ปลุกจิตที่ข้าได้ฝังไว้ให้ตื่นขึ้นมา…ณ…บัดนี้…”

            ทันใดนั้น ร่างของแคมพ์เบลล์ก็กระตุกอย่างประหลาด

            “…ฮ…แฮร์รี่…” แคมพ์เบลล์ที่หน้าตาซีด ๆ ไปในทันทีพยายามพูดขึ้น “เกิด…อะไร…ขึ้น…แฮร์รี่…ศจ.ดัมเบิลดอร์…ให้ฉันดูแลเธอ…แฮร์รี่…ฉัน…ลางเลือนเหลือเกิน…”

            แสงสีเขียวสว่างวาบขึ้นจากร่างของแคมพ์เบลล์จนถึงขั้นแสบตา แฮร์รี่กับสเนปจำเป็นต้องยกมือป้องตา ในขณะที่โวลเดอมอร์ยิ้มแสยะ

            “แกทำอะไรกับแคมพ์เบลล์” สเนปร้องอย่างกราดเกรี้ยว

            “ข้า?” โวลเดอมอร์พูด “ข้าเพียงแต่ปลุกหุ่นเชิดของข้าให้ตื่นขึ้น เรื่องหุ่นเชิดนี้เจ้าน่าจะลองถามรูเบอัสที่ยืนอยู่ตรงโน้นดีกว่านะ”

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
            แฮกริดกำลังผ่าฟืนอยู่ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่วิ่งมาตามเขา พลางพูดบอกเรื่องของแฮร์รี่กับเขาอย่างกระหืดกระหอบ

            “แฮกริดคะ…แฮร์รี่…กำลังอยู่ในอันตราย…ที่สนามควิดดิช…มีคุณคนหนึ่งที่จะช่วยได้”

            “อะไรนะ แฮร์รี่เดือดร้อนรึ เกิดอะไรขึ้น”

            “ลอร์ดโวลเดอมอร์…มาแล้วค่ะ”

            แฮกริดกัดฟันกรอด แล้ววิ่งออกไปยังสนามควิดดิช

            ทันทีที่เขามาถึง มันราวกับว่าภาพในอดีตที่กลูเวสพังตรอกไดแอกอน****ได้ย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง แสงสีเขียวที่สว่างวาบ ร่างคนที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ ดวงตาที่ไร้แวว มันเหมือนกับครั้งก่อนที่เขาพบกับกลูเวสไม่มีผิด เพียงแต่ตอนนี้ คนที่กำลังกลายเป็นหุ่นเชิด คือศจ.แคมพ์เบลล์

            “ศจ.แคมพ์เบลล์!” แฮกริดร้องเสียงหลง

            แต่แคมพ์เบลล์ไม่รู้ความอะไรอีกแล้ว เครื่องหมายที่หน้าผากแสดงให้เห็นว่าเขาถูกเชิดโดยสมบูรณ์ แฮกริดมองเห็นแฮร์รี่และสเนปพยายามหลบคำสาปที่แคมพ์เบลล์สาปออกมาอย่างไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ในขณะที่โวลเดอมอร์กำลังไปสนใจอีกทางหนึ่ง

            “อา…เจ้าหนูเดรโก มัลฟอย มาทำอะไรอยู่ที่นี่…” โวลเดอมอร์ยิ้มแสยะ

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
            มัลฟอยกำลังคุยกับแครบและกอยล์อยู่ ในขณะที่มีประกาศเตือนให้นักเรียนกลับเข้าหอนอน และนั่นทำให้เขาเห็นว่ามีเรื่องน่าสนุก

            “พวกนายกลับไปหอนอนก่อนก็แล้วกัน” เขาพูดพลางบิดมือ “ฉันจะไปหาอะไรสนุก ๆ ทำสักหน่อย”

            มัลฟอยซ่อนหลังเสารูปนกฮูกในขณะที่สเนปและแคมพ์เบลล์กำลังวิ่งผ่านไป

            “อย่างนี้ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่ น่าสนุกเสียแล้ว”

            เขาหมุนคอนกฮูกบนเสาหิน แล้วเข้าไปตามทางลับเพื่อไปออกที่เสาอีกต้นในห้องโถงใหญ่ แต่ไม่ทันที่เขาจะออก เสียงที่เขาได้ยินก็บอกเรื่องสนุกมากให้เขาได้รับรู้

            “อะไรน่ะ”

            “ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ”

            “พวกนายรีบไปเร็วเข้า หยุดจู๋จี๋กันก่อน ขึ้นหอนอนเลย เขามาแล้ว”

            “เขา? เขาไหน”

            “เขานั่นไง”

            “เขามาแล้วเหรอ!”

            “ใช่ พวกนายรีบไปเร็วเข้า เดี๋ยวฉันก็ต้องไปเหมือนกัน”

            “ไม่ ฉันจะหนีอีกไม่ได้ เขาทำอะไรมามากเกินไปแล้ว”

            “ไม่นะแฮร์รี่ เธอจะทำอะไรกับเขา เธอทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เขามีอำนาจสูงสุดแล้วนะแฮร์รี่ตามที่ฉันคิด เขาถึงกล้าบุกมาถึงที่นี่”

            “เขามาเพื่อฆ่าฉัน ฉันรู้ และฉันจะไม่ยอมให้ใครตายอีกเป็นอันขาด มีคนตายเพราะฉันมามากเกินไปแล้ว ทั้งพ่อ แม่ เซดริก คอลิน… เขาน่าจะไปรอฉันที่สนามควิดดิช ที่นั่นกว้างพอ”

            “พวกเธอทำอะไรกันอยู่ รีบไปหอนอนเร็วเข้า เร็วเข้าสิ ไม่งั้นฉันหักคะแนนกริฟฟินดอร์จริง ๆ ด้วย”

            มัลฟอยรู้แล้วว่าแฮร์รี่กำลังจะไปสนามควิดดิช ไปหาใครก็ไม่รู้ แต่มัลฟอยรู้ดีว่า เรื่องนี้จะต้องสนุกมากแน่ ๆ ที่โรงเรียนประกาศให้นักเรียนไปหอนอนแต่แฮร์รี่กลับแหกกฎ

            มัลฟอยรีบวิ่งไปยังสนามควิดดิช โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าต้องพบกับอะไร เขาแอบอยู่หลังต้นไม้ และมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ทำให้เขาตัวสั่นด้วยความกลัว โดยเฉพาะเมื่อแคมพ์เบลล์ถูกเชิด เขาตกใจจนกรีดร้องออกมาเสียงดัง

            โชคไม่ดีที่โวลเดอมอร์ได้ยินเสียงของเขา

            “อา…เจ้าหนูเดรโก มัลฟอย มาทำอะไรอยู่ที่นี่…” โวลเดอมอร์พูดพลางเบนจุดสนใจจากพวกแฮร์รี่ที่กำลังวุ่นกับแคมพ์เบลล์มาที่มัลฟอย “เจ้าควรจะนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ที่หอนอนบ้านสลิธีรินไม่ใช่รึ…ใช่แล้ว ข้าจำได้ดี เตียงในหอนอนสลิธีรินนุ่มน่านอนมาก…”

            มัลฟอยผวา เขาล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นแล้วพยายามถอยหนีไปจนชนกับกำแพงในขณะที่โวลเดอมอร์เดินเข้ามา

            โวลเดอมอร์โยนไม้กายสิทธิ์ในมือของเขาไปมาอย่างอารมณ์ดีในขณะที่มันกำลังเปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อย ๆ “ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวหรอกนะ” เขาพูด “เจ้าไปนอนเสียจะดีกว่า… หรือว่าเจ้ายังไม่ง่วงนอน? ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเจ้าไม่ง่วง ข้าจะกล่อมเอง”

            ในขณะที่มัลฟอยยกมือป้องหน้าด้วยความกลัวและร้องครางเสียงดังว่า “ไม่นะ!” อยู่นั้น โวลเดอมอร์ก็ชี้ไม่กายสิทธ์มาที่เขา

            “นอนซะนะ...เด็กน้อย”

            ไม้กายสิทธ์ของโวลเดอมอร์เปล่งแสง แล้วแสงนั้นก็พุ่งตรงมาที่มัลฟอยในทันทีที่เขากล่าวคำสาปจบสิ้น มัลฟอยคงจะถูกคำสาปอย่างจังไปแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีใครบางคนเสกคาถาป้องกันไว้ให้อย่างหวุดหวิด

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
            ศาสตราจารย์ฟลิตวิกกำลังดื่มชาอย่างมีความสุขอยู่ในขณะที่กำลังมีการประกาศเรื่องที่โวลเดอมอร์กำลังบุกมา

            “อาจารย์ครับ กรุณามากับผมหน่อย” รอนร้องขึ้น หลังจากที่เขาเปิดประตูผางเข้ามาในห้องพักครูนี้

            “อะไรกัน” ฟลิตวิกพูดขึ้น หลังจากที่เสียงของรอนทำให้เขาตกใจจนทำน้ำชาร้อน ๆ หกบนหน้าตักของเขาจนต้องร้องเสียงหลง “เกิดอะไรขึ้น มิสเตอร์วีสลีย์”

            “อาจารย์ไม่ได้ยินประกาศเหรอครับ” รอนสงสัย

            “ไม่” ฟลิตวิกตอบ “ฉันกำลังดื่มชาอยู่ และมันทำให้ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไร”

            “เขาผู้ไม่ควรเอ่ยชื่อมาแล้วครับอาจารย์ แฮร์รี่กำลังตกอยู่ในอันตราย อาจารย์ต้องช่วยเขานะครับ อาจารย์สอนวิชาคาถาไม่ใช่เหรอครับ”

            ฟลิตวิกลุกจากที่นั่งเพียงแค่เข้าได้ยินคำว่า ‘แฮร์รี่กำลังตกอยู่ในอันตราย’ เท่านั้น เขาร้องถามรอนในขณะที่เขาเดินอย่างเร่งรีบไปยังประตูว่า “ที่ไหน”

            “สนามควิดดิชครับ” รอนตอบ “เป็นที่เดียว”

            ฟลิตวิกกับรอนวิ่งตามกันไปยังสนามควิดดิช ทันทีที่เขามาถึง พวกเขาก็เห็นแคมพ์เบลล์กำลังร่ายคำสาปใส่พวกแฮร์รี่อย่างไม่หยุดไม่หย่อน ในขณะที่อีกทางหนึ่ง โวลเดอมอร์กำลังจะร่ายคำสาปใส่มัลฟอย

            “มิสเตอร์มัลฟอย!” ฟลิตวิกร้องเสียงหลง ในขณะที่เขาวิ่งไปหามัลฟอยพลางหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาและเสกคาถาออกไป “มิเรอริอุส”

            โชคดีที่เขาเร็วพอ ถึงแม้คำสาปจะไม่สะท้อนกลับไปยังโวลเดอมอร์ แต่อย่างน้อย คำสาปก็ไม่ตรงเข้าไปยังมัลฟอย

            “มัลฟอย เธอมาทำอะไรที่นี่” ฟลิตวิกถาม “ไม่มีใครบอกเธอเหรอว่าเธอต้องไปอยู่ในหอนอน?”

            “ผม…” มัลฟอยพูดเสียงแผ่ว “ผมแอบหนีมา”

            “โธ่เอ๊ย” ฟลิตวิกคราง

            “อาจารย์ครับ ช่วยผมหน่อย” แฮร์รี่ร้องมาแต่ไกล “ศาสตราจารย์มอรอสกี้เป็นบ้าไปแล้ว”

            แต่ไม่ทันที่ฟลิตวิกจะยื่นแม้แต่ปลายเล็บเข้าไปช่วย ก็มีควันพวยพุ่งออกมาจากไหนไม่รู้ แล้วไม้กวาดไฟร์โบลต์ก็พุ่งออกมาจากกลุ่มควันนั้นเข้ามาอยู่ในมือของแฮร์รี่ทันที

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
            หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ส่งแฮกริดเข้าสนามควิดดิชไปแล้ว เธอก็รีบวิ่งไปยังหอนอนบ้านทันที เพราะตอนนี้แฮร์รี่ไม่มีไม้กายสิทธิ์อยู่กับตัว โชคร้ายที่เขาลืมไปเอาไม้กายสิทธิ์

            “รหัสผ่าน… เดี๋ยวก่อน เธอมัวทำอะไรอยู่” สุภาพสตรีอ้วนถามขึ้น

            “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางหอบแฮ่ก “ซานตาคลอสเคราแดง”

            “แน่ใจนะ” สุภาพสตรีอ้วนถาม ในขณะที่เธอเปิดทางให้

            เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีเวลาตอบคำถามอะไรมากมายนักกับสุภาพสตรีอ้วน เธอตรงไปที่เตียงของแฮร์รี่ แล้วหยิบของใช้ที่เธอคิดว่าจำเป็นออกมา…ผ้าคลุมล่องหน…ไม้กายสิทธิ์…ไฟร์โบลต์…อื่น ๆ อีกเยอะแยะ

            เธอหยิบของเหล่านี้ใส่ขวด ‘น้ำยาเก็บของ’ อย่างรวดเร็ว แล้วจึงรีบไปยังสนามควิดดิช

            “ขอให้ทันเถอะ” เธอภาวนาขณะที่เปิดประตูสนามควิดดิช แล้วโยนน้ำยาเก็บของล่วงหน้าเข้าไปก่อน ก่อนที่เธอจะเข้าตามไป

            ทันทีที่ขวดยาแตกออก ควันก็พวยพุ่งออกมา (ไม่ค่อยสะดวกเลย) แล้วของทั้งหมดก็ออกมากองอยู่บนพื้น ยกเว้นแต่ไม้กวาดไฟร์โบลต์ ซึ่งตรงรี่เข้าไปหาแฮร์รี่

            แฮร์รี่คว้าไม้กวาดไว้ได้ทันที และหลังจากนั้นเขาก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า แล้วหนีออกมาจากหมู่คาถาของแคมพ์เบลล์ได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็ร่อนลงตรงหน้าศาสตราจารย์ฟลิตวิกอย่างปลอดภัย

            แต่เดี๋ยวก่อน

            “ศาสตราจารย์สเนป!” แฮร์รี่ร้องขึ้น “แย่แล้ว ผมต้องกลับไป”

            “ออบบลิวิอาเต้!” เสียงร้องเล็กแหลมดังขึ้นมาจากข้างหลังแฮร์รี่แทบจะในทันทีที่เขาหันหลังแล้วกำลังจะขึ้นไม้กวาด มิหนำซ้ำนอกจากเสียงแล้วยังมีคาถาลอยผ่านไหล่เขาออกไปอีกด้วย

            คาถาลบความจำนั้นพุ่งตรงไปยังแคมพ์เบลล์

            หลังจากที่แคมพ์เบลล์ดิ้นพราด ๆ หลังจากล้มลงไปเพราะโดนคาถาเสร็จ เขาก็ดูเหมือนจะหลับเป็นตายไปเลยทีเดียว

            “เยี่ยมมาก…” เสียงคำรามดังขึ้นที่ข้างหลังของแฮร์รี่ มัลฟอย และฟลิตวิก แต่เป็นเบื้องหน้าของสเนป แฮกริด และเฮอร์ไมโอนี่ “ข้าต้องขอชมเชยเลยทีเดียว”

            โวลเดอมอร์ยืนดูอยู่อย่างสบายใจมาได้ครู่หนึ่งแล้ว ในขณะนี้เขากำลังมองอย่างใจเย็นมายังศาสตราจารย์ฟลิตวิก “ออบบลิวิอาเต้สินะ ยอดเยี่ยม เหมาะกับสถานการณ์ดี ดูเหมือนเจ้าจะรู้นะว่าเขาโดยคำสาปหุ่นเชิด เจ้าจึงลบความทรงจำของเขาจนถึงตอนที่ถูกคำสาป” เขากล่าว “แต่ดูเหมือนว่าเวลาจะหมดเวลาสนุกแล้วสิ ไม่อยากตายก็ถอยไปซะ!” เขาคำรามลั่น “ข้าต้องการฆ่าแฮร์รี่เท่านั้น คนอื่นไม่เกี่ยว”

            “เกี่ยวสิ” สเนปบอก “ฉันมีหน้าที่ปกป้องเขา”

            “เซเวอร์รัส” ฟลิตวิกร้อง “เธอบ้าไปแล้วเหรอ”

            “เซเวอร์รัส?” โวลเดอมอร์พูดเบา ๆ “เซเวอร์รัส สเนป ใช่ไหม? ลูกของเจ้าเบลสโต***** หนูน้อยที่ยืนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ริมต้นไม้นั่นสินะ ใช่แล้ว ข้ายังจำได้ดี สีหน้าของเจ้าตอนที่เห็นข้าฆ่าพ่อของเจ้าที่มาขัดขวางข้าไว้ ข้าจำได้ดี” เขาพูดเรียบ ๆ นุ่มลึก แต่น่ากลัว “น่าเสียดาย เขาเป็นอาจารย์คนโปรดของข้าสมัยเรียนอยู่ที่นี่”

            “หยุดนะ” สเนปตะโกน เขากัดฟันกรอด “แกอย่าพูดเรื่องนี้ให้ฉันได้ยินอีก ข้าเกลียดแก”

            “เกลียด?” โวลเดอมอร์พูด “เกลียดข้าอย่างนั้นหรือ เซเวอร์รัส เกลียดข้า ผู้ที่เคยเป็นนายของเจ้าอย่างนั้นหรือ อดีตผู้เสพความตายที่น่ารักของข้า”

            “นึกว่าฉันอยากนักหรือไง” สเนปตวาด พลางหยิบขวดยาออกมา “ฉันทำไปเพราะจะเข้าไปช่วยท่านดัมเบิลดอร์สืบเรื่องแกต่างหากเล่า”

            “แต่เจ้าก็หนีความจริงที่ว่าเจ้าเคยเป็นผู้เสพความตายไม่พ้นอยู่ดี ตรามารยังคงตราตรึงอยู่ที่แขนของเจ้าอยู่เลยมิใช่รึ”

            “หุบปาก!” สเนปตวาดก้องในขณะที่เขาขว้างขวดยาลงบนพื้น และมีควันพวยพุ่งออกมา

            เมื่อโวลเดอมอร์ถูกควันนั่น เขาสะดุ้งเฮือก ถึงกับต้องถอยฉากออกมาและเอามือกุมคออย่างเจ็บปวด

            “ฤทธิ์เหง้าเบอราเซอัสเป็นอย่างไรบ้าง” สเนปยืนยิ้ม “ถ้าเป็นคนธรรมดาตายไปแล้วนะเนี่ย ไม่ต้องสงสัยหรอก โวลเดอมอร์ ที่ฉันไม่เป็นอะไร ที่เด็กพวกนี้ไม่เป็นอะไร เพราะฉันแอบผสมภูมิคุ้มกันเข้าไปในอาหารของฮอกวอตส์มาตลอดปีนี้แล้ว”

            แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด โวลเดอมอร์หายจาก ‘อาการผิดปกติเล็กน้อย’ นี้อย่างรวดเร็วและร่ายคำสาปตรงเข้าใส่สเนปทันที พอดีที่สเนปใช้ ‘น้ำยาป้องกัน’ ไว้ทันเขาจึงรอดจาก ‘ครูซิโอ’ มาได้ และทำให้เขามีโอกาสหยิบเอา ‘น้ำยาเพิ่มพลัง’ ขึ้นมาใช้กับตัวเขา แล้วชกหน้าโวลเดอมอร์ไปหนึ่งหมัด เนื่องจากเป็นการโจมตีทางกายภาพ จึงไม่สามารถใช้คาถาป้องกันได้ โวลเดอมอร์ที่ถูกหมัดหนักแปดสิบแปดตันเข้าไปจึงเซไปไกลไม่ใช่เล่น

            สเนปกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาใช้โอกาสที่โวลเดอมอร์กำลังตั้งหลักนี้หยิบเอา ‘น้ำยาลมกรด’ กับ ‘น้ำยาไร้เทียมทาน’ มาใช้ ทำให้เขาได้เปรียบโวลเดอมอร์มากกว่าเดิม เขาต่อยหน้าเตะคางโวลเดอมอร์ไปนับครั้งไม่ถ้วน จนดูเหมือนโวลเดอมอร์จะสะบักสะบอมเต็มทน แต่…

            มีเสียงระฆังดัง นาฬิกาของฮอกวอตส์ดังขึ้น นั่นหมายความว่าขึ้นวันใหม่แล้ว สเนปเผลอชะงักไปครู่เดียว เพียงครู่เดียวเท่านั้น

            ครู่เดียวก็มากเกินพอสำหรับโวลเดอมอร์

            “หมดเวลาสนุกแล้ว” โวลเดอมอร์พูดเบา ๆ “ข้าเล่นกับแกมามากเกินพอแล้ว”

            ก่อนที่หมัดของสเนปที่เพิ่งตั้งตัวได้จะกระทบกับใบหน้าของโวลเดอมอร์ โวลเดอมอร์ก็ใช้อำนาจกระแทกสเนปออกไป สเนปที่กระแทกออกไปนั้นก็กระแทกพื้นอย่างแรงจนทำให้เขาจุก

            “แกคิดว่าข้า…” โวลเดอมอร์เดินเข้ามาใกล้สเนป เป็นครั้งแรกที่พวกแฮร์รี่ได้มีโอกาสมองดูโวลเดอมอร์ชัด ๆ และพวกเขาก็เห็นว่า โวลเดอมอร์ไม่เป็นอะไรเลย ตรงกันข้าม เขาดูแข็งแรง และเดินย่างสามขุมเข้าไปหาสเนปได้อย่างไม่มีอาการใด ๆ ทั้งสิ้น โวลเดอมอร์จับคอสเนปยกขึ้นสูง แล้วต่อยหน้าเขาไปทีหนึ่ง “…จะเสร็จง่าย ๆ อย่างนี้หรือ…” หมัดนั้นทำเอาสเนปกระอักเลือดออกมาระลอกหนึ่ง “…อย่างไรกัน…” โวลเดอมอร์เงื้อเล็บยาวคมกริบของเขาขึ้นสูง “…เล่า…” แล้วฟาดลงบนใบหน้าของสเนปจนมีแผลเป็นทางยาวบนแก้มซ้าย ถ้าเขาหลบไม่ทัน หน้าคงเหวอะแล้ว

            โวลเดอมอร์ขว้างสเนปลงบนพื้น แล้วเดินตรงไปหาแฮร์รี่

            “น่ารำคาญชะมัดเลยนะ…แฮร์รี่…ทีนี้…เจ้ากับข้า”

            “ยังหรอก” สเนปพูด

            โวลเดอมอร์หันหลังกลับไป สเนปกำลังพยายามจะยืนขึ้นมาให้ได้ เขาดูสะบักสะบอมเกินทน แค่การโจมตีธรรมดาจากโวลเดอมอร์เพียงสองครั้งทำให้เขาสะบักสะบอมเพียงนี้ ถ้าหากว่าโวลเดอมอร์ยังคงเล่นงานเขาต่อ เขาต้องไม่รอดแน่ ๆ

            “ทนทายาดจริง ๆ” โวลเดอมอร์พูด

            “ใช่สิ” สเนปคราง “ฉันไม่ยอมให้แกทำอะไรแฮร์รี่แน่”

            ว่าแล้ว เขาก็ควัก ‘น้ำยาแสงตะวัน’ ขึ้นมาแล้วขว้างไปยังโวลเดอมอร์ เกิดแสงสว่างวาบขึ้นจนทำให้โวลเดอมอร์แสบตา รวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วย เว้นแต่สเนปที่ป้องตาไว้ทัน สเนปอาศัยจังหวะที่โวลเดอมอร์ชะงักไปนี้วิ่งเข้าพาแฮร์รี่มาหลบอีกทางหนึ่ง

            “ศาสตราจารย์…” แฮร์รี่พยายามจะพูด แต่สเนปหยุดไว้

            “อย่าเพิ่งพูดอะไร แฮร์รี่” สเนปบอก “ฟังนะแฮร์รี่ ฉันคงไม่มีโอกาสดูแลเธออีกแล้ว ฉันดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่เธอเข้าเรียน เธอรู้ไหม ฉันไม่ยอมให้เธอเป็นอันตราย ฉันไม่ยอมให้เธอทำอะไรให้ตัวเป็นอันตราย ฉันไม่ยอมให้เธอหลงไปกับชื่อเสียงจนเหลิง ฉันดูแลเธอมาตลอด แฮร์รี่ แต่มันคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”

            “แก…” โวลเดอมอร์คำราม

            “ดูแลตัวเองให้ดีนะแฮร์รี่ ไม่งั้นฉันจะหักคะแนนบ้านกริฟฟินดอร์ไม่ให้เหลือเลย”

            สเนปหันหลังกลับไปหาโวลเดอมอร์ที่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น สเนปเปิดผ้าคลุมของเขาออกเผยให้เห็นขวดยานับร้อยขวดที่ซ่อนอยู่ภายในเสื้อคลุมของเขา

            “นี่คือน้ำยาระเบิด แต่มันจะไม่ระเบิดจนกว่าจะถูกกระตุ้นด้วยแรงระเบิดอื่น” สเนปบรรยายสรรพคุณของน้ำยา “และระเบิดที่กระตุ้นน้ำยานี้ได้ดีที่สุดคือระเบิดที่เกิดจากร่างกายมนุษย์” เขามองมาทางแฮร์รี่ที่ส่งเสียงเรียกเขา “ใช่แล้ว แฮร์รี่ ฉันจะระเบิดตัวเอง”

            วิ่งเข้าหาโวลเดอมอร์ด้วยความเร็ว โวลเดอมอร์ที่กำลังยังแสบตาไม่หายดีนักยืนอยู่กับที่โดยหลบไม่ได้ สเนปร่ายมนตร์ระเบิดตัวเองไปพลางในขณะที่วิ่งเข้าหาว่า “เซลฟู ดิสทรัคโต!”

            ทันใดนั้นร่างของสเนปก็เปล่งแสงขึ้นมาทันที เขาอยู่ใกล้โวลเดอมอร์เกินกว่าที่โวลเดอมอร์จะหนีได้แล้ว

            แล้วเจอกันนะพอตเตอร์ ฉันจะตามไปจองล้างจองผลาญนายแล้ว

            เสียงระเบิดดังกึกก้อง แสงจากการระเบิดก็แสบตาไม่แพ้น้ำยาแสงตะวัน พวกแฮร์รี่ต่างกระเด็นลอยไปหลายเมตร ต้นไม้เอนไปตามแรงคลื่นพลังที่รุนแรง ร่างของแฮร์รี่ก็คงกระจายเป็นชิ้น ๆ เหมือนเสาควิดดิชทั้งหกไปแล้ว ถ้าฟลิตวิกไม่ร่ายคาถาป้องกันให้ทุกคนไว้ได้ทัน

            หลังจากแรงระเบิดค่อยเบาลง พวกแฮร์รี่จึงค่อยตั้งตัวได้ พวกเขามองไปยังฝุ่นควันที่ยังหลงเหลืออยู่จากการระเบิด โวลเดอมอร์จะตายไหมนะ? เป็นคำถามที่ทุกคนถามอยู่ในใจ

            คำตอบของคำถามนี้ลอยมาพร้อมกับคำสาปที่พุ่งผ่านหมอกควันตรงมาที่มัลฟอย ฟลิตวิกป้องกันไว้ได้อีกครั้ง แต่คำสาปนี้ก็ทำให้ทุกคนได้รู้ความจริงที่ว่า

            โวลเดอมอร์ยังไม่ตาย…

            “เฮ้อ…” เสียงแหบต่ำดังขึ้นมาจากในกลุ่มควัน “…เสียเวลาจริง ๆ เจ้าพวกสวะนี่… ดูซิ… ชุดคลุมของข้าขาดหมด”

            ที่ตรงนั้นคือโวลเดอมอร์ แต่ร่างของเขาหาได้ปกคลุมด้วยผ้าคลุมอีกต่อไปไม่ แต่เป็นร่างที่แท้จริงของเขา ใบหน้าที่น่าเกลียด รูจมูกแบนเล็กดั่งงู ลายพร้อยบนหน้า ดวงตาแดงสด และร่างกายที่ผิดมนุษย์ทำให้โวลเดอมอร์ดูราวกับปิศาจชัด ๆ

            “…แต่หมดเวลาเล่นแล้ว…” เขากล่าว “แกต้องตายเดี๋ยวนี้…พอตเตอร์”

            สิ้นคำนั้นเขาก็ ‘สาป’ คำสาปตรงมาที่แฮร์รี่ เป็นโชคดีที่เขาหลบได้ทัน แฮร์รี่ยังคงหลบคำสาปต่อไปเรื่อย ๆ แต่เขาก็ยังคงกลัวว่าเขาจะหลบต่อไปได้นานแค่ไหน

            “…สนุกมากนักใช่ไหม…” โวลเดอมอร์คำรามลั่นขณะที่เขากระโจนตรงมายังแฮร์รี่ แฮร์รี่ไม่มีทางหนีแล้ว เขาคงต้องตายแน่ ๆ ถ้าบังเอิญโวลเดอมอร์ไม่ชะงักงันไปเพราะของแหลมหลายชิ้นจิกหลังเขาเป็นแผล แฮร์รี่ไม่สงสัยเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินแฮกริดร้องว่า “บีคกี้!”

            “แกจะยุ่งกับแฮร์รี่ไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก” เสียงของผู้ที่ขี่บัคบีค ฮิปโปกริฟฟ์ตัวใหญ่นี้มาพูดขึ้น แล้วอีกคนหนึ่งก็ซ้อนท้ายมาด้วยก็พูดตามกันมาว่า “เราจะปกป้องเขา”

            ซิเรียส แบล็ก และรีมัส ลูปินนั่นเอง

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
            “นายเห็นพวกเขาหรือยังซิเรียส” รีมัสพูดขึ้นมาในขณะที่ตัวเขากำลังนั่งซ้อนท้ายบัคบีคกับซิเรียสและชะเง้อมองไปทางขวา ในขณะที่ซิเรียสชะเง้อมองไปยังทะเลสาบฮอกวอตส์ทางซ้ายของพวกเขา “ฉันไม่เห็นเลย”

            “ฉันก็ยังไม่เห็นเหมือนกัน” ซิเรียสตอบ “ให้ตายสิ โธ่พระเจ้า ขอให้พวกเราเจอพวกเขาด้วยเถอะ”

            ขาดคำซิเรียส ก็มีแสงสว่างที่ดูเหมือนจะเป็นของระเบิดขนาดใหญ่สว่างวาบขึ้นมาจากสนามควิดดิชของโรงเรียนฮอกวอตส์ แรงระเบิดทำให้บัคบีคเซถลาไป ขนาดพวกเขาอยู่ไกลจากจุดเกิดระเบิดขนาดนี้

            “นั่นอะไร” รีมัสถาม “ใช่ระเบิดรึเปล่า”

            “สงสัยจะเป็นแมลงเม่ามั้งนั่นน่ะ!” ซิเรียสพูดกัดฟัน ขณะที่เขากระตุกบังเหียนบัคบีคให้มุ่งหน้าไปทางนั้น “ระเบิดไงรีมัส! ระเบิด! ดูท่าจะเป็นระเบิดจากน้ำยาระเบิดนะนั่น แต่รุนแรงขนาดนี้ ต้องใช้มนุษย์เป็นเชื้อเพลิงแน่เลย”

            “ระเบิดมนุษย์งั้นเหรอ” รีมัสพูดขณะที่ออกแรงเกาะให้มากขึ้น “ใครทำล่ะ”

            “มีคนเดียวแหละที่รู้เรื่องน้ำยาระเบิดที่พวกเราคิดขึ้นแล้วยังอยู่ที่นั่น แถมยังยอมเอาตัวเข้าแลกเป็นระเบิด” ซิเรียสพูด

            “นายหมายถึง…”

            “อาจจะใช่ เซเวอร์รัส” ซิเรียสตอบ “หมอนั่น…”

            “แต่…” รีมัสพูดคราง

            “เงียบก่อนดีไหมรีมัส เรามองเห็นแล้ว นั่นไง”

            “แฮร์รี่!” รีมัสร้อง “เขากำลังโดนโวลเดอมอร์ไล่สาปอยู่”

            “ท่าทางไม่ค่อยดีเลย”

            “งั้นเราก็ต้องลงไปช่วยเขาหน่อยสินะ”

            ซิเรียสกระตุกบังเหียนอีกครั้ง (“ก็แหงล่ะ” เขาพูด) บัคบีคหักทิศทางลงมุ่งตรงไปยังหลังของโวลเดอมอร์ท่ามกลางหมอกควัน ซิเรียสใช้มือจับที่ต้นคอของบัคบีคบังคับให้มันวางเท้าอันแสนอ่อนนุ่มลงไปบนหลังของโวลเดอมอร์

            “บีคกี้!” แฮกริดร้องตะโกน

            เมื่ออุ้งเท้าของบัคบีคจิกหลังของโวลเดอมอร์ลงไปแล้ว ซึ่งมีผลเพียงทำให้โวลเดอมอร์ชะงักไปหน่อยหนึ่ง แต่ก็ยังดี ซิเรียสก็บังคับให้บัคบีคกดหลังของโวลเดอมอร์ลงกับพื้น

            “แกจะยุ่งกับแฮร์รี่ไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก” ซิเรียสพูดในขณะที่ก้าวขาลงมา

            “เราจะปกป้องเขา” รีมัสพูดตามมาในขณะที่เขาก้าวขาลง (โชคร้ายที่เขาสะดุดบังเหียน)

            โวลเดอมอร์หันหลังกลับมาหาทั้งสองพบางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธแค้น เขาสะบัดบัคบีคออกไปจากหลังแล้วหันไปต่อสู้กับทั้งสอง “พวกแก…” เขาคำราม

            ในขณะนั้น ฟลิตวิกกำลังบังคับมัลฟอยให้ยอมทำตามที่เขาพูด

            “ไม่นะ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด”

            “ไม่ได้หรอกมิสเตอร์มัลฟอย เป็นทางเดียวที่เธอจะรอดจากสถานการณ์แบบนี้”

            “ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ”

            “เพราะมีเธอคนเดียวที่เหมาะที่สุด เธอเป็นคนละขั้วกับมิสเตอร์พอตเตอร์เลย เธอก็รู้ดี และเธอก็เป็นคนที่มีกายภาพคล้ายคลึงกับเขาที่สุด”

            “ไม่เอาหรอก ให้รวมร่างกับเจ้าบ้านั่น”

            “ไม่มีเวลาแล้ว” ฟลิตวิกส่ายหน้าอย่างหัวเสีย “พอตเตอร์ มาทางนี้เร็วเข้า”

            “ไม่นะ” มัลฟอยร้อง “ฉันไม่ยอ…“ แต่เขาก็ต้องเงียบเสียงไปเพราะเพ็ตตริพิคัส โททาลัส

            “ครับอาจารย์” แฮร์รี่ที่ขี่ไฟร์โบลต์มาอย่างเร็วพูดขึ้น

            “เธอมายืนข้าง ๆ มิสเตอร์มัลฟอยนี่”

            ถึงแฮร์รี่จะมีคำถามผุดขึ้นมามากมายแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากมายแล้ว เขาเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ มัลฟอยที่ตัวแข็งทื่อแต่ยังเหล่ตามาทางเข้าอย่างโกรธแค้นที่สุดเท่าที่จะทำได้

            ฟลิตวิกไปยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสอง แล้วหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา

            “เธอเตรียมตัวนะ คาถานี้จะรวมร่างเธอสองคนเข้าด้วยกัน เป็นคนใหม่ เขาคนนั้นจะมีตัวตนขึ้นมาใหม่โดยไม่ขึ้นตรงกับใครคนใดคนหนึ่งระหว่างเธอสองคนทั้งสิ้น เขาคนนั้นจะมีพลังเวทมากมายเป็นจำนวนที่เรียกได้ว่าเอาพลังเวทของคนทั้งฮอกวอตส์มารวมกันก็ได้ไม่ถึงครึ่ง เพราะนี่จะให้พลังเวทเป็น 1000 เท่าของพลังเวทที่รวมกันแล้วระหว่างเธอสองคน งงไหม” ฟลิตวิกหยุดพูดชั่วขณะ เมื่อเขาเห็นแฮร์รี่พยักหน้าแล้วจึงพูดต่อ “แต่คาถานี้จำเป็นต้องใช้พลังเวทมาก ครูอาจจะตายก็ได้ ถ้าครูตาย ขอให้พวกเธอสบายใจ เพราะครูได้ทำหน้าที่ของครูเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ผลข้างเคียงของคาถา…”

            “เร็วเข้าเถอะครับอาจารย์” แฮร์รี่บอก “สามคนนั้นแย่แล้ว” แฮร์รี่หมายถึงซิเรียส รีมัส และแฮกริด ที่กำลังต่อสู้กับโวลเดอมอร์อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งก็ทำได้เพียงถ่วงเวลาเท่านั้น

            “ก็ได้…” ฟลิตวิกถอนหายใจ “เอาล่ะน่ะ…ฟิวซิออโน

            เกิดแสงขึ้นที่ปลายไม้กายสิทธิ์ของฟลิตวิก แล้วแสงนั้นก็สว่างขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่แสงเหล่านั้นถูกดึงออกมาจากร่างกายของฟลิตวิก เมื่อไม้กายสิทธิ์มีแสงเต็มเปี่ยมมันก็หลุดออกจากมือของฟลิตวิกแล้วไปลอยอยู่ตรงกลางระหว่างแฮร์รี่กับมัลฟอย ในขณะที่ฟลิตวิกล้มลงกับพื้น

            แฮร์รี่รู้สึกกระตุกที่ศีรษะ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังถูกดึงเข้าไปหาไม้กายสิทธิ์อันนั้น ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ทั้งแฮร์รี่และมัลฟอยถูกดึงเข้าไปอยู่ในไม้กายสิทธิ์ ในฉับหลันนั้นแฮร์รี่รู้สึกราวกับว่าสติสัมปชัญญะของตัวเองขาดสะบั้นลง

            ไม้กายสิทธิ์ที่เปล่งแสงนั้นพองขึ้นกลายเป็นรูปร่างคนที่มีหัว แขน มือ ขา เท้า และอวัยวะอื่น ๆ ครบถ้วน (แถมชุดคลุมด้วย)

            คนที่เกิดขึ้นมาจากไม้กายสิทธิ์นี้กำลังยืนหลับตากางแขนในท่าราวกับทูตสวรรค์อยู่บนพื้นหญ้า เมื่อเขาลืมตาขึ้น ราวกับมีแสงสว่างส่องออกมาจากร่างกายของเขา

            “ค…คุณเป็นใครเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงสั่น

            ร่างนั้นกลับมายืนในท่าปกติ แล้วมองมาทางเฮอร์ไมโอนี่ แล้วยิ้ม “ฉันชื่อฮาร์โก… ฮาร์โก มัลเตอร์”

            ฮาร์โกกระซิบสองสามคำกับเฮอร์ไมโอนี่แล้วพุ่งตรงเข้าไปหาโวลเดอมอร์ด้วยความเร็วที่ไฟร์โบลต์ก็ทาบไม่ติด เขาไปทันหยุดโวลเดอมอร์ไม่ให้ร่ายคำสาปใส่ทั้งสามคนที่ถูกเพตตริพิคัส โททาลัสอยู่บนพื้น แล้วต่อยหน้าโวลเดอมอร์ไปทีหนึ่ง

            แรงของฮาร์โกมากพอที่จะทำให้โวลเดอมอร์ผงะไปหลายขุม ถึงจะไม่ได้ทำให้โวลเดอมอร์บาดเจ็บมากนัก แต่ก็เป็นการยืนยันว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้เป็นอมตะ

            “นั่น…สำหรับทุกคนที่แกฆ่า” ฮาร์โกพูดในขณะที่ออกแรงกดโวลเดอมอร์ลงไปติดพื้น โดยที่โวลเดอมอร์ทำได้เพียงร้องว่า ‘หยุดนะ นึกว่าข้าจะปล่อยไปง่าย ๆ งั้นรึ’ แล้วเมื่อโวลเดอมอร์ลงไปนอนบนพื้นโดยมีเท้าซ้ายของฮาร์โกเหยียบอกอยู่แล้ว ฮาร์โกก็บอกว่า “และนี่ สำหรับจิตใจที่บอบช้ำของทุกคน” และใช้ขาขวาเตะสีข้างของโวลเดอมอร์

            ระหว่างที่ฮาร์โกกำลังซ้อมโวลเดอมอร์อยู่นั้น เฮอร์ไมโอนี่กับรอนก็มีเวลาแก้เพตตริพิคัส โททาลัสให้กับซิเรียส รีมัส และแฮกริด

            ทุกคนกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

            “เธอ…เห็นอย่างที่ฉันเห็นรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามรอน

            “ถ้าหมายถึงแฮร์รี่กับมัลฟอยกำลังซ้อมโวลเดอมอร์อยู่ละก็ ฉันเห็น” รอนตอบ

            โวลเดอมอร์ไม่ยอมง่าย ๆ เขาสู้กับฮาร์โกอย่างเต็มที่อย่างเกือบจะสูสี ฮาร์โกออกจะเพลี่ยงพล้ำอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ คงเพราะไม่คุ้นเคยกับร่าง

            “รีมัส” ซิเรียสพูด “นายใช้ อะวาดา เคดาฟ-รา เป็นรึเปล่า”

            “ก็” รีมัสตอบ “ก็เป็นบ้าง ทำไมเหรอ”

            “เสกเลย” ซิเรียสบอก

            “เสกใส่ใคร?” รีมัสยังงุนงง

            “นี่รีมัส!” ซิเรียสระเบิด “นายคิดว่าจะมีใครที่ฉันจะให้นายเสกคำสาปพิฆาตใส่อยู่ตรงนี้รึไงถ้าไม่ใช่โวลเดอมอร์ ฉันคงจะให้นายเสกคำสาปพิฆาตใส่…ใครนะ…ฮาร์โกนั่นรึไง”

            “เอ่อ” รีมัสไม่พูดอะไร แต่ก็หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา และว่า “อะวาดา เคดาฟ-รา”

            หลังจากนั้นก็มีแสงสีเขียวลอยไปยังโวลเดอมอร์ โวลเดอมอร์มีสีหน้าตื่นตกใจอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะโดนคำสาปเข้าไปเต็ม ๆ

            โวลเดอมอร์ชะงักกึกไปเล็กน้อย เล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็มากพอที่จะทำให้ฮาร์โกเล่นงานโวลเดอมอร์ได้อย่างหนักหน่วงมากขึ้นตามโอกาสที่ได้รับ

            “ใช่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง

            “ใช่อะไร” รอนถาม

            เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ เธอรีบวิ่งออกจากสนามควิดดิชไป

            ฮาร์โกเริ่มเพลาการรัวหมัดรัวแข้งไปแล้ว แต่เขาเริ่มหนักไปทางคำสาป ทั้งครูซิโอ หรือแม้แต่อะวาดา เคดาฟ-รา เขาร่ายมนตร์ออกมาจากมือทั้งสองโดยไม่ต้องผ่านไม้กายสิทธิ์ นั่นแสดงว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะควบคุมพลังงานเวทมนตร์ได้ แต่โวลเดอมอร์แข็งแกร่งเกินไปที่จะตายด้วยคำสาป ถึงกระนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้โวลเดอมอร์เจ็บปวดมากพอที่จะร้องครวญคราง

            โวลเดอมอร์รวบรวมแรงกระแทกร่างใส่ฮาร์โกจนฮาร์โกกระเด็นไปไกล

            “แก…” โวลเดอมอร์พูด “อย่า…คิดว่า…ข้าจะ…กระจอก…ขนาดนั้น”

            โวลเดอมอร์เงื้อมือพยายามร่ายคำสาปใส่ฮาร์โก

            “แฮร์รี่!…ไม่สิ ฮาร์โก!”

            เฮอร์ไมโอนี่กลับมาแล้ว

            พร้อมคบเพลิงสีเขียว******ในมือ

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

            เฮอร์ไมโอนี่วิ่งออกจากสนามควิดดิช ตรงไปยังห้องอาจารย์ใหญ่ ที่ที่ดัมเบิลดอร์น่าจะอยู่ และเขาคงบอกได้ว่ามันอยู่ที่ไหน

            ใช่แล้ว คบเพลิงสีเขียว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงความชั่วเป็นความดีงาม แน่นอน ลำพังตัวมันเองไม่มีอำนาจมากเพียงพอที่จะทำให้โวลเดอมอร์กลายเป็นคน(?)ดีได้ แต่ถ้าบวกกับพลังของแฮร์รี่…ไม่สิ ฮาร์โกแล้ว ไม่แน่

            “อาจารย์คะ” เธอร้องเสียงดังเมื่อบังเอิญพบดัมเบิลดอร์กลางทาง ดูเหมือนว่าดัมเบิลดอร์จะพยายามฝืนร่างกายที่ป่วยหนักของตัวเองเพื่อเดินไปทางสนามควิดดิช “หนู…”

            “มิสเกรนเจอร์ ดีจริง ห้องสมุด เขตหวงห้าม ชั้น A225 เรื่อง ’พิโธ่พิถังกะละมังตั้งเด่’ เล่มสีแดง เปิดหน้า 75 คาถาเกรเฟอร์ทอโร” ดัมเบิลดอร์พูดเหมือนจะบอกที่ซ่อนของอะไรบางอย่าง แล้วยัดกระดาษแผ่นหนึ่งลงในมือของเฮอร์ไมโอนี่ ลายมือชื่อของเขา

            “เร็ว” เขาพูดเสียงเข้ม ก่อนที่ทำท่าเหมือนจะล้มลงไป

            “ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่รับคำ เธอวิ่งไปยังห้องสมุดอย่างรวดเร็ว กระแทกลายมือชื่อดัมเบิลดอร์ลงตรงหน้ามาดามพินซ์ที่หลับอยู่ ตรงไปยังเขตหวงห้าม มองหาชั้น A225 หนังสือเล่มสีแดง นั่นไง พิโธ่พิถังกะละมังตั้งเด่ ทำไมถึงชื่อพิลึกอย่างนี้นะ ไม่มีเวลาแล้ว หน้า 75 “เกรเฟอร์ทอโร” เธอร้อง

            ทันใดนั้นหนังสือบิดตัวอย่างแรง มันเด้งออกจากมือของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วลอยขึ้นไปสูงจากพื้นเกือบสองเมตร หนังสือบิดตัวจนแทบจะเป็นแท่งทรงกระบอก ลวดลายคุ้นตารูปงูกับยูนิคอร์นเริ่มปรากฏให้เห็น

            หนังสือเล่มนั้นกลายเป็นคบเพลิงสีเขียว

            เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีเวลาแม้แต่จะดีใจ ตอนนี้ฮาร์โกอาจจะกำลังย่ำแย่ก็ได้ เธอคว้าคบเพลิงลงมา แล้ววิ่งออกจากห้องสมุด ตรงไปที่สนามควิดดิช เธอมาถึงประตูสนามแล้ว เธอผลักประตูเข้าไป

            “แฮร์รี่!” เธอร้อง “…ไม่สิ ฮาร์โก! รับไป เร็วเข้า”

            ฮาร์โกที่กำลังจะถูกโวลเดอมอร์ร่ายคำสาปหันมามองทางเธอ “เกรนเจอร์!” เขาร้อง และชี้มือมาทางคบเพลิง “แอคซิโอ! – คบเพลิงสีเขียว”

            ทันใดนั้น คบเพลิงก็หลุดจากมือของเฮอร์ไมโอนี่พุ่งตรงไปหามือของฮาร์โกอย่างรวดเร็ว อีกสิบเมตร อีกห้าเมตร อีกเมตรเดียว อีกนิดเดียว

            โวลเดอมอร์คว้ามันไว้ได้

            “เจ้าคิดจะใช้สิ่งนี้จัดการกับข้าอย่างนั้นรึ ไม่มีทางหรอก สโตปิโอ!” โวลเดอมอร์ร่ายคาถาหยุดนิ่งค้างแข็งใส่ฮาร์โกจนเขาค้างอยู่ในท่าเอื้อมมืออย่างนั้น

            “เพียงแค่ข้าทำลายสิ่งนี้เสีย พวกเจ้าก็คงไม่มีอะไรมายุ่งกับข้าได้แล้วใช่ไหม”

            ใช่ ถ้าไม่มีคบเพลิง พวกเขาก็หมดหนทาง แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างนั้น แฮกริดสั่งบัคบีคและสารพัดสัตว์ออกมารุมโวลเดอมอร์ ซึ่งสัตว์เหล่านั้นก็รวมถึงสุนัขสองตัวที่เมื่อคู่นี้เป็นคนชื่อซิเรียสกับรีมัสด้วย

            ความโกลาหลนี้ไม่มากพอที่จะทำให้โวลเดอมอร์เจ็บปวด แต่ก็มากพอที่จะทำให้เขารู้สึกรำคาญจนเผลอปล่อยมือจากคบเพลิงแล้วหันมาจัดการกับสรรพสัตว์ คบเพลิงที่หล่นออกมาถูกรับไว้ได้อย่างสวยงามด้วยมือรอน ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ร่ายคาถายกเลิกคำสาป “เรดูซิโอ” ให้ฮาร์โก

            “ขอบใจ วีสลีย์ และก็…เกรนเจอร์ด้วย” ฮาร์โกบอก

            ฮาร์โกรับคบเพลิงจากรอนมา แล้วเริ่มร่ายคำศักดิ์สิทธิ์

            “อำนาจงูใหญ่ในตำนานทั้งหลาย อำนาจมังกรมากมายแผ่ไพศาล อำนาจยูนิคอร์นวอนว่าชั่วกาลนาน สามอำนาจสิ้นสามาณย์บันดาลดี”

            ในขณะที่คบเพลิงเปล่งแสงสีเขียวไปรอบทิศ โวลเดอมอร์ยังคงวุ่นกับสรรพสัตว์ถึงแม้เขาจะสังเกตุเห็นสิ่งที่ฮาร์โกกำลังทำอยู่ก็ตาม

            คบเพลิงกลายเป็นแสงสีเขียวไร้รูปร่างขนาดใหญ่ แสงนั้นลอยอยู่สูงเหนือที่นั่งชมกีฬา และตอนนี้ มันก็เริ่มจะลอยลงมายังตัวฮาร์โกเหมือนจะมีอะไรดูดมันลงมา – ลงมาในตัวฮาร์โก

            ฮาร์โกประสานสองมือไว้ตรงหน้าอกราวกับท่าพนมมือ เขาร่ายคาถาปากขมุบขมิบอยู่ประมาณสองวินาทีแล้วเปล่งเสียงอันดัง ซึ่งหมายถึงคาถาทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงพลานุภาพที่สุด เปลืองพลังงานที่สุด และควบคุมง่ายที่สุด ขนาดที่ว่าถ้ามีพลังมากพอจะเสกออกมาได้แล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยที่จะบังคับพลังนี้ให้พุ่งตรงไปยังห่วงควิดดิช – ถ้ามันยังอยู่ และหมายถึงการโจมตีด้วยพลังมหาศาลของฮาร์โก บวกกับพลังแปรเปลี่ยนความชั่วของคบเพลิง ซึ่งนั่นหมายถึงพลังแปรเปลี่ยนความชั่วอัตราเร่งมหาศาล

            “อัลทิมาาา…!!!!”

            โวลเดอมอร์ไม่มีแม้แต่เวลาจะร้องเสียงหลงว่า ‘ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่………….’ ลำแสงสีเขียวขนาดใหญ่ก็พุ่งตรงไปหาโวลเดอมอร์ และทะลุผ่านตัวเขาไป ลำแสงขนาดใหญ่ถึงขนาดสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ – ถ้าใช้พลังเวทมนตร์มองดู

            สัตว์ทั้งหลายกระเด็นออกมาอย่างแรง แต่ไม่มีตัวไหนได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ถ้าจะเจ็บก็เพราะกระแทกพื้นเท่านั้น

            โวลเดอมอร์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพียงแต่ร่างของเขากลายเป็นสีเขียวทั้งร่าง

            “เขาตายแล้วเหรอ” รอนลองถาม

            “ไม่น่าใช่” แฮกริดพูด “เขาไม่น่ามีความเป็นคนมากพอที่จะตายได้”

            ถูกของเขา โวลเดอมอร์ไม่ตาย ร่างสีเขียวของเขาร้องอย่างโหยหวน ดังสนั่นก้องกังวานไกลจนราวกับว่าจะมีวิญญาณของเขาหลุดออกมาตามเสียงนั่นด้วย เสียงดังมากจนผู้คนที่อยู่ที่นั่นต้องปิดหู

            ทันใดนั้น เหมือนกับว่าโวลเดอมอร์ยิ้ม ไม่ใช่รอยยิ้มแสยะน่าเกลียดเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับอบอุ่นสบายใจ เหมือนกับได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไป พริบตาหลังจากนั้นร่างของเขาก็วาวแสงขึ้นอีกครั้ง แสงนี้พุ่งขึ้นฟ้า ทะยานเหมือนฟินิกซ์ และแตกกระจายหายลับไปในฟากฟ้า ที่เริ่มรุ่งสางแล้ว

            “เขาไม่ตาย” ดัมเบิลดอร์ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาบอก “แต่เขาไม่อยู่แล้ว”

            “หายไปชั่วคราวเหรอครับ” รอนถาม

            “ไม่” ดัมเบิลดอร์ตอบ “ไม่ชั่วคราว แต่ตลอดไป ไม่มีลอร์ดโวลเดอมอร์อีกต่อไป หรือแม้แต่ชายชื่อทอม มาร์โวโล่ ริดเดิ้ล ก็ไม่มีเขาอีกต่อไป ทั้งสองสูญสิ้นไปแล้ว แต่ไม่ใช่ความตาย”

            “หมายความว่ายังไงคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

            “ไว้ทีหลังเถอะ ฉันจะได้อธิบายให้สองคนนั้นฟังด้วย” ดัมเบิลดอร์ชี้ไปทางด้านหลังของพวกคนทั้งหลายที่มายืนต่อหน้าเขา “ตอนนี้พวกเขาหลับอยู่”

            เฮอร์ไมโอนี่ รอน ซิเรียส รีมัส แฮกริด ทุกคนหันไปทางด้านหลัง และพบแฮร์รี่ – กับเดรโก นอนหลับอยู่

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

            ที่นี่ที่ไหน?

            นั่นใคร?

            พ่อ?

            แม่?

            โน่นใครมา?

            ชุดคลุมดำ

            เขามาทำไม?

            แม่?

            แม่อุ้มผม

            พ่อ?

            พ่อต่อสู้กับคนแปลกหน้านั่น

            “ลิลี่! พาแฮร์รี่หนีไป!”

            ผมกลัว

            ผมร้องไห้

            แม่ปลอบผม

            พ่อ?

            เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ

            พ่อไปไหน

            แม่

            นั่นใครอีก

            คนเมื่อกี้

            เขาพูดกับแม่

            แม่หกล้ม

            แม่กระแทกผนัง

            ผมกลัว

            ผมร้องไห้

            พ่อมาแล้ว

            “แก! ปล่อยแฮร์รี่ไปนะ”

            มันเริ่มพูดกับพ่อ

            พ่อล้มลง

            พ่อเป็นอะไร

            ทำไมพ่อไม่ลุกขึ้นมา

            แม่พูดอะไร

            “ไม่ อย่าเอาแฮร์รี่ไป! เอาฉันไปแทนเถอะ!”

            “ถอยไป! นังโง่ เอาเด็กมาให้ข้า! ข้าต้องการเด็กเท่านั้น! ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”

            “ไม่!”

            มันพูดกับแม่

            แม่ล้มลง

            แม่เป็นอะไร

            ทำไมแม่ไม่ลุกขึ้นมา

            มันพูดกับผม

            “คราวนี้ถึงตาแกบ้างแล้ว”

            ---------------------------

            ---------------------------

            เกิดอะไรขึ้น

            ที่นี่กำลังหายไป

            ฝันร้ายนี้กำลังหายไป

            ---------------------------

            รู้สึกดีจัง

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

            “แฮร์รี่! แฮร์รี่! รอน แฮร์รี่ฟื้นแล้ว”

            “ไหน ไหน”

            แฮร์รี่ลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตากลมโตสวยใส ใครน่ะ? เฮอร์ไมโอนี่หรือ

            “แฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “นึกว่าเธอจะไม่ฟื้นเสียแล้ว”

            เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้แค่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เธอร้องไห้จริง ๆ ซบบนหน้าอกของแฮร์รี่เลยทีเดียว

            แฮร์รี่มองไปข้าง ๆ เห็นรอนยืนทำท่าทำอะไรไม่ถูกอยู่

            “ที่นี่ที่ไหน” แฮร์รี่ถาม

            “ห้องพยาบาลไง แฮร์รี่” เสียงดัมเบิลดอร์พูด

            แฮร์รี่มองไปทางซ้ายของเตียง ซึ่งเป็นคนละทางกับที่เฮอร์ไมโอนี่กับรอนอยู่ และเขาก็พบกับดัมเบิลดอร์

            และผู้คนอีกเป็นสิบ หรือร้อย เอ๊ะ หรือพัน

            “เธอสลบไปตั้งเกือบสามเดือน” ฟิลซ์พูด

            “พวกเราเป็นห่วงแทบแย่” นิกพูด

            “เธอกล้าหาญมาก” หมวกคัดสรรพูด

            “ยินดีด้วย” ทุกคนพูดพร้อมกัน

            แฮร์รี่ทำอะไรไม่ถูก เขาเคยถูกห้อมล้อมด้วยคนจำนวนมากมาแล้ว แต่ไม่ใช่พันคนระยะประชิดแบบนี้

            “ทั้งโรงเรียนรู้เรื่องที่เธอทำแล้ว แฮร์รี่” เนวิลล์บอก

            “เสียใจจริง ๆ เรื่องของศาสตราจารย์ฟลิตวิกและสเนป” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด

            “แต่ผม…ผมไม่เข้าใจเลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่” แฮร์รี่ถาม

            “นี่ไง” มาดามฮูซบอก “เธอดูนี่สิ”

            แฮร์รี่ยื่นมือไปรับแผ่นโลหะสีเงินจากมือมาดามฮูซ ในนั้นมีรูปภาพของใครสักคน ใครที่หน้าตาคล้าย ๆ เขา แต่ไม่ใช่เขา หน้าตาคล้าย ๆ เดรโกด้วย เฮอร์ไมโอนี่เรียกเขาว่าอะไรนะ ฮาร์โก?

            แฮร์รี่ดู ‘แผ่นบันทึกภาพเคลื่อนไหวเกิดขึ้นจริงนานไม่จำกัดเวลา’ นั้นซ้ำไปซ้ำมาจนเขาคิดว่าเข้าใจเรื่องทั้งหมด

            “แล้วมัลฟอยล่ะครับ” แฮร์รี่ถาม

            “อยู่นี่ไง” เดรโกพูดรับ เขายืนอยู่ข้าง ๆ แฮร์รี่นี่เอง “นายหลับไปนานไม่ใช่เล่นเลยนะ”

            เดรโกยิ้ม ไม่เหมือนยิ้มน่าเกลียดแบบเมื่อก่อน

            “เกิดอะไรกับโวลเดอมอร์ครับ” แฮร์รี่หันมาถามดัมเบิลดอร์

            “อ้อ” ดัมเบิลดอร์พูด “ก็เป็นแบบนี้นะ พลังงานเปลี่ยนความชั้วของคบเพลิงสีเขียวที่ใส่เข้ากับคาถาอัลทิม่านั้นทำให้โวลเดอมอร์รับพลังนั้นเต็ม ๆ ทำให้ร่างกายของเขาไม่สามารถคงสภาพนั้นได้อีกแล้ว แต่จิตของเขายังอยู่ คบเพลิงสีเขียวและพลังแห่งฟินิกซ์ พลังแห่งการดำรงอยู่ของเขารวบรวมกัน ทำให้จิตส่วนหนึ่งของเขาล่องลอยออกไป”

            “เขาจะกลับมาอีกไหมครับ”

            “กลับมา แต่ไม่ใช่โวลเดอมอร์อีกแล้ว จะเป็นคนอื่น”

            “ผมไม่เข้าใจ”

            “โวลเดอมอร์ตายไปแล้ว แฮร์รี่ แต่จิตของเขายังคงอยู่ จิตที่มีความคิดคำนึง ความรู้สึกของเขา แต่ไม่มีความทรงจำ เป็นจิตบริสุทธิ์ บริสุทธิ์แท้ จิตนั้นล่องลอยออกไป ไปหาที่ใหม่ คล้ายกับการเกิดใหม่ แฮร์รี่ แต่ไม่ใช่”

            “ผมยังไม่เข้าใจ”

            “ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบคำพูดนี้ แต่ฉันก็ต้องขอบอกเธอ” ดัมเบิลดอร์บอกยิ้ม ๆ “ว่า แล้วเธอจะเข้าใจ แฮร์รี่”

            ดัมเบิลดอร์ยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเดินออกไป

            “เจอกันในงานเลี้ยงนะ แฮร์รี่”

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

            งานเลี้ยงปีนี้วิเศษที่สุด นักเรียนทุกคนยกย่องเขาเป็นฮีโร่ งานฉลองการตายอย่างแท้จริงของโวลเดอมอร์มีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ดูเหมือนนักเรียนทุกคนจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้แล้ว คงเหลือแต่แฮร์รี่เท่านั้นกระมัง

            ที่แปลกที่สุดคงเป็นเดรโก เขาไม่งี่เง่าเหมือนก่อนแล้ว แต่ดีขึ้น เยอะ มาก คงโดนฤทธิ์คบเพลิงเข้าไปด้วยเป็นแน่แท้

            “โปรดฟังหน่อย” เสียงศาสตราจารย์มักกอนนากัลดังไปทั่งห้องโถง

            ดัมเบิลดอร์มาแล้ว

            “ปีนี้ ก็ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้ว และทุกท่านคงทราบดีแล้วเกี่ยวกับการจากไปของเจ้าแห่งศาสตร์มืด ผู้ที่เราไม่เคยเรียกชื่อเขา ซึ่งบัดนี้ เราสามารถเรียกชื่อเขาได้อย่างไม่กลัวเกรง เขาคือ”

            “โวลเดอมอร์” ทุกคนในห้องโถงพูดพร้อมกันอย่างไม่ต้องรอให้ดัมเบิลดอร์กล่าว

            “ใช่แล้ว” ดัมเบิลดอร์รับ “เหนือสิ่งอื่นใด ฉันขอเสียงปรบมือให้กับมิสเตอร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ และมิสเตอร์เดรโก มัลฟอย ผู้ที่นำความสุขมาแก่พวกเราในวันนี้”

            เสียงปรบมือกระหึ่มห้องโถง น่าแปลกใจที่ทุกคนเต็มใจปรบมือให้เดรโก

            งานเลี้ยงดำเนินต่อไปจนจบ และแล้ว พวกแฮร์รี่ก็ต้องเข้าพิธีจบการศึกษา พิธีมีความยิ่งใหญ่ตระการตา คำพูดสวยหรูมากมายถูกพูดเพื่อเก็บความประทับใจครั้งสุดท้ายที่ฮอกวอตส์ แต่ไม่มีคำพูดไหนกินใจมากไปกว่าคำพูดของนักเรียนเรเวนคลอที่ชื่อ อีมุส อองตัวโน ที่ว่า

            “พวกเรารักฮอกวอตส์ ฮอกวอตส์รักพวกเรา”

            ใบประกาศนับร้อยใบถูกแจกให้กับนักเรียนปีเจ็ดที่จบการศึกษาทุกคน หมวกพ่อมดแม่มดถูกแจกจ่ายให้ตามมา และตามด้วยการพูดอำลาของตัวแทนนักเรียน เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ หลังจากนั้นอาจารย์ทุกคนก็ออกมากล่าวคำอำลา

            ทางด้านศาสตราจารย์แคมพ์เบลล์ ถึงแม้ฟลิตวิกตั้งใจจะลบแค่ความทรงจำถึงช่วงที่เขาถูกเสกคาถาหุ่นเชิดก็ตาม แต่โชคร้ายที่แคมพ์เบลล์ถูกเสกด้วยคาถาหุ่นเชิดตั้งแต่ยุคโวลเดอมอร์เรืองอำนาจ – ตั้งแต่แคมพ์เบลล์ยังเป็นเด็ก นั่นทำให้เขามีความทรงจำเหลือเพียงแค่เด็กปี 3 เท่านั้น นั่นหมายความว่าในปีการศึกษาหน้า จะมีนักเรียนปีสี่คนใหม่นามแคมพ์เบลล์ มอรอสกี้ ซึ่งก็คงจะเป็นการดีสำหรับเด็กนักเรียนสาวปีสามในปีนี้ที่จะได้เรียนพร้อมกับแคมพ์เบลล์ในปีหน้า เอาเถอะ ช่วงนี้แคมพ์เบลล์ก็คงต้องไปอยู่ที่ฮอกส์มี้ดกับคนดูแล ซึ่งก็เป็นอาจารย์ที่ฮอกวอตส์ไปก่อนจนกว่าจะถึงปีหน้า

            เป็นอันว่าอาถรรพ์แห่งวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดยังคงมีอยู่ต่อไป

            ในที่สุดวันสุดท้ายที่ฮอกวอตส์สำหรับนักเรียนปีเจ็ดก็มาถึง

            “รถไฟลอยฟ้าจะออกแล้ว เก็บของให้ดีด้วย”

            แฮกริดร้องตะโกนเสียงดังเพื่อให้นักเรียนปีเจ็ดที่จบการศึกษาทุกคนได้ยินจากบนพื้นชานชาลาสถานีฮอกส์มี้ดขึ้นไปยังสถานีรถไฟลอยฟ้าที่อยู่ข้างบนซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จสำรับนักเรียนปีเจ็ดโดยเฉพาะสำหรับนั่งไปลอนดอน รถไฟลอยฟ้านี้ไม่ได้เป็นสีแดงสดเหมือนอย่างรถด่วนฮอกวอตส์ แต่กลับเป็นสีทั้งสี่สีของบ้านทั้งสี่ คือแดง เขียว เหลือง และน้ำเงิน แสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของนักเรียนที่จบการศึกษาจากฮอกวอตส์ ที่กำลังจะออกไปพบกับโลกกว้างอย่างเต็มตัวในฐานะพ่อมดแม่มดที่ศึกษามาอย่างดี

            เสียงหวูดดังขึ้น รถไฟวิ่งออกจากชานชาลาแล้ว นักเรียนทุกคน รวมทั้งแฮร์รี่ รอน เดรโก เฮอร์ไมโอนี่ เนวิลล์ เชมัส คนอื่น ๆ อีกมากมายจนไม่สามารถสาธยายได้หมด ต่างน้ำตาซึมกันถ้วนหน้าเมื่อรู้สึกแล้วว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ที่ฮอกวอตส์ แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่ออนาคต แม้ว่าอดีตนั้นจะมีความสุขเพียงใดก็ตาม การจมอยู่กับมันไม่สามารถช่วยให้เรามีความสุขได้อย่างถาวร เราจำเป็นต้องก้าวไป อดีตที่สวยงามจะเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับเรา และอดีตที่เจ็บปวดจะสูญสลายไป เหมือนกับควันรถไฟที่จางหายไปในท้องฟ้ากว้าง

            รถด่วนลอยฟ้าฮอกวอตส์ส่งเสียงฉึกฉักไปตามทางรถไฟที่มองไม่เห็น นำพาเหล่าพ่อมดแม่มดรุ่นใหม่ไปสู่โลกกว้างเพื่อชีวิตของพวกเขาต่อไป

      = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

            สวัสดี


      เชิงอรรถ

      * ย่อมาจาก Harry James Potter

      ** เนื้อเรื่องส่วนนี้เป็นส่วนที่คาดว่าจะปรากฏใน Harry Potter and the Order of the Phoenix ซึ่งผมคิดเอง ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางถูกต้องตรงกันกับฉบับที่เขียนโดย J.K. Rowling เพราะฉะนั้นเมื่อหนังสือออกแล้ว ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมไม่เหมือนกับในหนังสือ

      *** ชื่อจริงของศาสตราจารย์ควีเรลล์ คือ สลาเตโร ควีเรลล์ (อ้างอิงจาก Hrpotterworld - นอกจากนั้นแล้ว ชื่อจริงของศาสตราจารย์ฟลิตวิก คือ ฟิลิอัส ฟลิตวิก ด้วยครับ)

      **** เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเขียนเรื่อง Hagrid\'s Histories ครับ ( http://www.dekdee.com/entertain/viewlong.php?id=362 )

      ***** เบลสโต สเนป ตัวละครสมมติที่ผมสร้างไว้ในงานเขียนแฟนฟิคแฮร์รี่ พอตเตอร์ เรื่องอื่น ๆ โดยผมกำหนดให้เบลสโต สเนป เป็นบิดาของเซเวอร์รัส สเนป และเป็นครูสอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดตั้งแต่สมัยแฮกริดยังเรียนอยู่ ภายหลังถูกโวลเดอมอร์ฆ่าตายในครั้งที่เขาบุกฮอกวอตส์ครับ (รายละเอียดหาอ่านได้ใน Hagrid\'s Histories เช่นกันครับ)

      ****** ไอเดียเรื่องคบเพลิงสีเขียวนี้ได้จากข่าวลือเกี่ยวกับหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 6 ที่มีปรากฏอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในเวบ ซึ่งมีชื่อเรื่องว่า Harry Potter and the Green Flame Torch (อาจไม่ใช่ชื่อจริงของหนังสือเล่มหก) ซึ่งในข่าวลือนั้นมีส่วนหนึ่งบอกไว้ว่า \"คบเพลิงสีเขียวเป็นคบเพลิงที่มีอำนาจในการลบล้างความชั่วร้ายและส่งเสริมความดีงาม\" ผมจึงนำมา \"เมค\" เป็นคบเพลิงสีเขียวที่เห็นในเรื่องนี้ครับ

      หมายเหตุ
      เรื่องนี้แต่งขึ้นก่อนการวางแผงของ Harry Potter and the Order of Phoenix
      คำว่าบังเหียนที่โดนเซนเซอร์นั้น เป็นอุปกรณ์ที่ใช้บังคับม้า คิดว่าทุกคนคงรู้จักดีนะครับ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×